วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

ความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

ทำไมผู้หญิงและผู้ชายจึงไม่เท่าเทียมกัน

ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายเกิดจากการเปลี่ยนผ่านช่วงบริบททางประวัติศาสตร์ โดย บัคโชเฟน นักมานุษยวิทยาสายพัฒนาการ ได้ศึกษาถึงการสะสมทุนในยุคของการหาของป่า ล่าสัตว์ และยุคการเพาะปลูก การศึกษาดังกล่าวมีข้อสรุปว่า ผู้ชายสามารถหาทรัพย์สินส่วนเกินได้มากกว่าผู้หญิง หรือที่เรียกว่าการสะสมทุน จนทำให้ผู้ชายมีอำนาจสร้างพื้นที่สาธารณะได้มากกว่าทำให้ผู้หญิงต้องจัดการแต่เรื่องภายในที่ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ ผู้ชายมีสิทธิในเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมือง สามารถออกไปทำงานนอกบ้านได้ แต่ผู้หญิงนั้นจะถูกจำกัดในเรื่องของการจัดการภายในบ้าน ไม่มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่มีโอกาสได้ออกไปทำงานนอกบ้าน เนื่องจากได้ร่ำเรียนมาน้อย ไม่มีความรู้ที่จะสามารถนำมาใช้เพื่อประกอบการทำงาน จากโครงสร้างดังกล่าวสามารถมองเห็นภาพความไม่เท่าเทียมกันระหว่างพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ นี่คือความไม่ชอบธรรมที่อ้างมกจากการสร้างวิธีคิดผ่านทางประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ผู้ชายใช้อำนาจกดทับเพศหญิงหลายยุคหลายสมัย

ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายในอดีต
ในอดีตผู้ชายจะเป็นช้างเท้าหน้าทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกรบยามศึกสงคราม การออกไปทำงานนอกบ้าน การมีส่วนร่วมทางการเมืองสามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้อย่างเต็มที่และอิสระ มีโอกาสได้เรียนหนังสือสูงๆ ส่วนผู้หญิงสมัยก่อน ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือและจะไม่มีโอกาสได้ออกไปทำงานนอกบ้านเหมือนผู้ชาย ต้องอยู่แต่บ้านคอยจัดการเรื่องที่เกี่ยวกับภายในบ้าน เป็นแม่หญิงแม่เรือน ไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการการเมืองเพราะเชื่อว่าเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองต้องเป็นหน้าที่ของผู้ชาย ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ และการที่ผู้ชายได้เรียนสูงกว่าผู้หญิง เพราะว่าผู้ชายมีความแข็งแรง แรงแกร่ง สามารถออกไปเผชิญกับโลกภายนอกได้ ส่วนผู้หญิงนั้นมีความอ่อนแอถ้าออกไปเผชิญกับโลกภายนอกอาจเกิดอันตรายได้ ความคิดสมัยก่อนทำให้เกิดการปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เรียนสูงๆ มีการงานที่ดีทำ สามารถหาเลี้ยงตนเองได้ โดยไม่ต้องรอให้ผู้ชายหามาเลี้ยงที่กล่าวข้างต้น จะเห็นว่าผู้หญิงและผู้ชายมีความไม่เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเรียน การทำงาน การได้แสดงความเห็นคิดทางการเมือง
จากทัศนคติเดิมๆที่ปลูกฝังกันมาว่าที่เชื่อว่า ผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชายในทุกๆด้าน ไม่ได้รับการเปิดโอกาสในด้านการเรียน การทำงาน การได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่ผู้หญิงควรจะได้รับสิทธินั้น ปัจจุบันสังคมเราได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติเหล่านี้ ให้ได้ทันยุคทันสมัย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย สังคมเราปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงและผู้ชายมีความเท่าเทียมกันในทุกๆเรื่อง ๆไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การทำงาน การได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง การได้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น และการเรียน การเรียนถือว่ามีความสำคัญมากในโลกปัจจุบัน เพราะการที่เราได้เรียนหนังสือสูงๆ จะทำให้เรามีความรู้และเมื่อเรามีความรู้เราก็สามารถนำไปความรู้ที่ได้เรียนมา นำไปใช้ในการทำงาน การที่เราเรียนหนังสือสูงๆจะทำให้เราได้ทำงานที่ดี มีหน้าที่การงานที่มั่นคง สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ การที่เราได้เรียนหนังสือสูงๆจะช่วยให้เราได้มีความคิดที่สร้างสรรค์สามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าเทียบเท่ากับประเทศอื่นที่เขาพัฒนาไปไกลกว่าประเทศของเรา ปัจจุบันผู้หญิงและผู้ชายต่างก็แข่งกันเรียน บางทีผู้หญิงเรียนสูงๆเยอะกว่าผู้ชาย จะเห็นได้ว่าผู้หญิงมีโอกาสได้ทำงานนอกบ้าน ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองดังที่เห็นผู้สมัคร ส.ส บางท่านเป็นผู้หญิง แต่ก่อนจะมีเฉพาะผู้ชาย การที่ผู้หญิงได้มีโอกาสได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องของการเมืองก็สืบเนื่องมาจากการได้รับโอกาส ให้ผู้หญิงและผู้ชายสามารถมีสิทธิที่เท่าเทียมกัน

สังคมเราเป็นสังคมที่ยึดหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

คือการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคล การให้ความเสมอภาคเท่าเทียมกันของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน จะเลือกปฏิบัติไม่ได้ และการให้สิทธิ โอกาส และการปฏิบัติต่างๆจะให้กับผู้หญิงหรือผู้ชาย ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างไม่เท่าเทียมกันนั้นจะกระทำไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะกฎหมายได้บัญญัติไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายจะต้องได้รับสิทธิ โอกาส การปฏิบัติ และการบริการต่างๆอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลในสังคม เช่น ผู้ชายลงสมัครเล่นการเมืองได้ ผู้หญิงก็สามารถลงสมัครเล่นการเมืองได้เหมือนกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน แต่ก่อนตำรวจเป็นได้เฉพาะผู้ชาย ปัจจุบันผู้หญิงก็เป็นตำรวจได้ เพราะความเปลี่ยนแปลงในสังคม ทำให้เราต้องพัฒนาผู้หญิงให้เทียบเท่ากับผู้ชาย ให้ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในสังคม การที่เราให้สิทธิและโอกาสกับผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้หญิงปัจจุบันเก่ง มีความรู้ ความสามารถ สามารถคิดสร้างสรรค์สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและส่วนรวม บางทีความรู้ ความสามารถที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงนั้นสามารถแสดงออกมาได้ดีกว่าผู้ชาย ซึ่งสิทธิต่างๆที่ผู้หญิงได้แสดงออกมาก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะสามารถทำอะไรก็ได้ที่เห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
กฎหมายรัฐธรรมนูญนอกจากจะบัญญัติในเรื่องของการให้สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายแล้ว กฎหมายยังให้สิทธิความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายเพิ่มมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนนามสกุล เมื่อผู้หญิงและผู้ชายแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกัน แต่เดิมผู้หญิงที่แต่งงานและได้จดทะเบียนสมรสแล้ว ผู้หญิงจะต้องใช้นามสกุลผู้ชาย แต่ปัจจุบันผู้หญิงที่แต่งงานและจดทะเบียนสมรสแล้ว ผู้หญิงสามารถเลือกใช้นามสกุลเดิมของตนเองได้ และสิทธิอีกอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงได้รับ คือ แต่ก่อนผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว คำนำหน้าจะเป็นนาง แต่ปัจจุบันผู้หญิงสามารถเลือกใช้คำนำหน้าจากนาง เป็น นางสาว ได้ ซึ่งการเพิ่มสิทธิเหล่านี้ ทำให้เห็นถึงความเสมอภาคเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย

ความเหมือนที่ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายมีความเท่าเทียมกัน
1. ผู้ชายทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ ผู้หญิงก็ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ บางทีทำได้ดีกว่าผู้ชาย
2. ผู้ชายเป็นนำได้ ผู้หญิงก็เป็นผู้นำได้
3. ผู้ชายมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ ผู้หญิงก็มีส่วนร่วมทางการเมืองได้ สักวันจะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิง
ความแตกต่างที่ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายมีความไม่เท่าเทียมกัน
1. ผู้ชายอุ้มท้องไม่ได้ แต่ผู้หญิงอุ้มท้องได้ และสามารถดูแลลูกในท้องได้ดีกว่าเพราะมีความระมัดระวังมากกว่า แต่ถ้าผู้ชายอุ้มท้องได้คงไม่ค่อยระมัดระวังเท่ากับผู้หญิงเพราะมีความแข็งกระด้างมากกว่า
2. ผู้ชายทำได้แค่เลี้ยงลูกด้วยนมผง แต่ผู้หญิงสามารถเลี้ยงลูกได้ด้วยทั้งนมผงและนมตัวเอง

ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีบางเรื่องที่ทำให้เกิดความเหมือนและความต่างในเรื่องของความเท่าเทียมกัน ในความเหมือนที่ผู้หญิงและผู้ชายสามารถทำได้อย่างเท่าเทียมกัน เราต้องไม่ปิดโอกาสเราควรจะส่งเสริมให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียมกัน เพราะสังคมเราได้พัฒนา เพื่อให้เกิดความทันสมัย ทันต่อโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราต้องปรับตัวพัฒนาตนเองให้ทันกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความเจริญต่อตัวบุคคลและต่อประเทศชาติ ทำให้มนุษย์ในสังคมเราอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขและสันติ ดังคำกล่าวที่ว่า
ความเสมอภาคของชายและหญิง คือรากฐานพันธสัญญาทางสังคม Gender Equality is a Basis of the Social Contract

วัตถุประสงค์ ของ Blog

1. เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย
2. เพื่อให้ผู้หญิงไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ชาย
3. เพื่อให้ผู้หญิงมีบทบาทในเรื่องต่างๆ เช่น การแสดงความคิดเห็น
การทำงาน ที่เท่าเทียมกับผู้ชาย

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. ผู้หญิงจะมีสิทธิที่เท่าเทียมกันกับผู้ชาย
2. ผู้หญิงจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ชาย

3. ผู้หญิงจะมีบทบาทในเรื่องต่างๆเช่น การแสดงความคิดเห็น การทำงาน ที่เท่าเทียมกับ ผู้ชายเพิ่มมากขึ้น

ที่มา : http://matee2549.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น